Last updated: 17 มิ.ย. 2567 | 494 จำนวนผู้เข้าชม |
ทุกคนรู้ไหมคะว่าโรคลำไส้ใหญ่อักเสบเรื้อรังเป็นโรคที่คนไทยเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นโรคที่เกิดบริเวณลำไส้ใหญ่เท่านั้น การอักเสบเกิดเฉพาะเนื้อเยื่อชั้นตื้นๆ เช่น ชั้นเยื่อบุลำไส้ของลำไส้ใหญ่ และมักเป็นที่ไส้ตรงเหนือทวารหนักขึ้นไป การอักเสบอาจลุกลามสูงขึ้นไปเท่าใดก็ได้แล้วแต่ความรุนแรงของโรค พบได้ทั้งในเพศชายและเพศหญิงในอัตราส่วนเท่าๆ กัน
ลักษณะของลำไส้ใหญ่อักเสบ
โดยส่วนมากแล้ว อาการอักเสบของลำไส้ใหญ่มักเกิดแบบเฉียบพลัน อาการของโรครุนแรงแต่ทุเลาลงได้อย่างรวดเร็ว โดยอาจไม่ได้รับการรักษา หรือรับการรักษาเพียงเล็กน้อย การเป็นโรคนี้เสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำ อย่างไรก็ตาม อาการท้องร่วงจากการติดเชื้อต่างๆ อาจมีความรุนแรง และนำไปสู่การถ่ายเป็นมูกเลือด ที่เป็นอันตรายติดเชื้อส่วนอื่นๆ เป็นแผลผนังลำไส้ หรือหากอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
อาการ เมื่อเป็นลำไส้ใหญ่อักเสบ
-ปวดท้อง
-ท้องอืด
-ถ่ายเหลว โดยอาจมีมูก หรือเลือดปน
-ถ่ายเป็นเลือด
-ไม่อยากอาหาร
-น้ำหนักลด
-มีไข้
อาการ เมื่อเป็นลำไส้ใหญ่อักเสบ เรื้อรัง
-ภาวะขาดน้ำ
-อ่อนล้า
-โลหิตจาง
มีอาการเหล่านี้เมื่อไหร่…อย่าชะล่าใจ
ในกรณีที่มีอาการรุนแรงเหล่านี้ ทางที่ดีควรรีบพบแพทย์ เช่น
-คลื่นไส้ อาเจียน กินอาหารไม่ได้ ทำให้มีความเสี่ยงร่างกายขาดน้ำจนเกิดภาวะช็อกได้
-สูญเสียน้ำจากการท้องเสีย รู้สึกอ่อนเพลีย หน้ามืดจะเป็นลม ปากแห้ง มือเท้าเย็น หรือเหมือนจะหมดสติ
-ปวดท้องแบบบิดๆ เกิดเป็นพักๆ มักมีอาการถ่ายท้องตามมา แต่หากเป็นการปวดท้องตลอดเวลาโดยไม่มีเว้นช่วง ให้ระวังไว้ว่านั่นอาจไม่ใช่การปวดจากลำไส้อักเสบธรรมดา
-มีไข้สูง หนาวสั่น แบบนี้อาจเป็นการติดเชื้อที่รุนแรง
-ถ่ายมีมูกเลือด หรือมีอาการปวดหน่วงๆ ที่ทวาร อาจเป็นอาการของลำไส้ใหญ่อักเสบ
สาเหตุของลำไส้อักเสบ (มีหลายประเภทเกิดจากสาเหตุที่แตกต่างกันไป)
-โรคลำไส้ใหญ่อักเสบจากการติดเชื้อ (Infectious colitis) เป็นอาการที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันอันเนื่องมาจากจากการติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือปรสิต สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดคือ เชื้อซัลโมเนลลา (Salmonella) และ เชื้ออีโคไล ( coli) ซึ่งปนเปื้อนในอาหารหรือน้ำ แพทย์อาจทำการรักษาโดยการจ่ายยาปฏิชีวนะให้ผู้ป่วย
-โรคลำไส้ใหญ่อักเสบจากยาปฏิชีวนะ (Antibiotic-associated colitis, Pseudomembranous colitis: PMC) เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อคลอสทริดิออยดีส์ ดิฟฟิไซล์ (Clostridioides difficile หรือชื่อเดิม Clostridium difficile: diff) ซึ่งอาศัยอยู่ในลําไส้ เมื่อได้รับยาปฏิชีวนะบางชนิด แบคทีเรียอื่น ๆ ที่ควบคุมแบคทีเรีย C.diff อาจตายลง ทําให้แบคทีเรีย C. diff เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมากจนก่อให้เกิดโรคลำไส้ใหญ่อักเสบจากยาปฏิชีวนะได้
-ภาวะลำไส้อักเสบเน่าตาย (Necrotizing enterocolitis: NEC) พบในทารกคลอดก่อนกำหนดเนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันยังไม่พัฒนาเต็มที่ ภาวะลำไส้อักเสบเน่าตายเป็นภาวะที่อันตรายต่อชีวิต
-โรคลำไส้ใหญ่อักเสบจากภูมิแพ้ (Allergic colitis) เกิดจากปฏิกริยาภูมิแพ้ต่อน้ำตาลแลคโทสหรือแพ้ถั่วเหลืองจากอาหารที่รับประทาน
-โรคลำไส้ใหญ่อักเสบที่เกิดจากลำไส้ใหญ่ขาดเลือด (Ischemic colitis) เกิดขึ้นจากการที่เลือดไปหล่อเลี้ยงลำไส้ได้ไม่เพียงพอ เนื่องจากภาวะอุดตันของเส้นเลือด อันรวมไปถึง ลิ่มเลือดอุดตัน หลอดเลือดโป่งพอง และผนังหลอดเลือดเป็นคราบแข็งหนาจนหลอดเลือดตีบ
-โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (Inflammatory bowel diseases: IBD) เช่น ลำไส้ใหญ่อักเสบประเภท Ulcerative colitis และโรคโครห์น (Crohn’s) ซึ่งเป็นโรคภูมิแพ้ตัวเอง ซึ่งเกิดจากปัจจัยทางพันธุกรรมร่วมกับการกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อม บางครั้งผู้ป่วยในกลุ่มนี้อาจมีอาการแสดงนอกลำไส้ได้ เช่น ผื่น ปวดข้อ หรือ เยื่อบุตาอักเสบ
-โรคลำไส้อักเสบจากการรังสีรักษา เป็นอาการข้างเคียงชั่วคราวจากการฉายรังสีรักษามะเร็งในอวัยวะข้างเคียง แต่อาจกลายเป็นภาวะเรื้อรังในผู้ป่วยบางราย
-โรคลำไส้ใหญ่อักเสบจากการผ่าตัดให้เกิดช่องเปิดของลำไส้ใหญ่ ออกมาภายนอกร่างกายเพื่อเบี่ยงเบนมิให้อุจจาระผ่านไปยังบริเวณที่มีพยาธิสภาพ
ภาวะแทรกซ้อน
- ภาวะลำไส้ทะลุจากการอักเสบเรื้อรัง ผนังลําไส้ใหญ่อาจเปราะบางลงและแตกได้ง่าย หากเกิดรูทะลุในผนังลำไส้ แบคทีเรียในลําไส้ใหญ่อาจหลุดออกจากลำไส้ไปอยู่ในช่องท้องทำให้เกิดการติดเชื้อในช่องท้อง ซึ่งอาจนําไปสู่การติดเชื้อในกระเสเลือด
-ภาวะลำไส้ใหญ่โป่งพองชนิดรุนแรง การอักเสบที่รุนแรงอาจทำให้ผนังลําไส้ใหญ่ขยายตัวและขัดขวางการหดตัวของกล้ามเนื้อ ซึ่งจะนําไปสู่การอุดตันของลําไส้ใหญ่จากความไม่สามารถบีบเคลื่อนตัวของลำไส้ อาการท้องอืด และมีความเสี่ยงที่ลำไส้จะแตกมากขึ้น
-ความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งลําไส้ใหญ่สูงขึ้น การเปลี่ยนแปลงของเซลล์ในลําไส้ใหญ่ที่มีการอักเสบเรื้อรังอาจพัฒนากลายเป็นมะเร็งได้ ผู้ป่วยที่มีอาการลําไส้ใหญ่อักเสบเรื้อรังมานานกว่า 10 ปีมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งลําไส้ใหญ่สูงขึ้น
การตรวจวินิจฉัย
- การซักประวัติและการตรวจร่างกาย
- การตรวจเลือด
- การทดสอบอุจจาระ
- การตรวจวิจิจฉัยด้วยภาพ
- การส่องกล้องตรวจทางเดินอาหาร รวมไปถึง การส่องกล้องตรวจลําไส้ใหญ่และการ
- ส่องกล้องตรวจลําไส้ใหญ่ส่วนปลาย
การรักษา
12 ก.ย. 2567
12 ก.ย. 2567
4 ก.ย. 2567