Last updated: 12 ก.ค. 2566 | 330 จำนวนผู้เข้าชม |
โปรแกรมฟื้นฟูลำไส้คืนสุขภาพผิวดีจากภายในเเค่ 4 สัปดาห์
เมื่อเราส่องกระจกแล้วพบว่าผิวหน้าของเรา ดูหมองคล้ำ ไม่สดใสเหมือนเดิม หรือ มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญ อย่าง “สิว” เกิดขึ้นบนใบหน้า สาวๆจะนึกถึงสาเหตุอะไรเป็นอย่างแรกคะ
หลายๆคนคงนึกถึงการทานอาหารรสจัด นอนดึก หรือแสงแดด ฝุ่นควันและมลภาวะ ใช่ไหมคะ คนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่า การเปลี่ยนแปลงของผิวหน้าเรา เกิดจากปัจจัยภายนอกเป็นหลัก เพราะเป็นสิ่งที่ผิวของเราต้องเผชิญอยู่เป็นประจำโดยตรง แต่รู้ไหมคะว่าที่จริงแล้วนั้น…
สาเหตุของผิวที่หมองคล้ำ สามารถเกิดขึ้นได้ จาก “ลำไส้” และ “ระบบขับถ่าย” ที่อยู่ภายใน ร่างกายของเรานี่เองค่ะ
พังที่ท้อง ฟ้องที่ผิว
ผู้เชี่ยวชาญทางด้านความงามตามธรรมชาติและ สุขภาพได้กล่าวไว้ว่า “การย่อยอาหาร คือรากฐาน ของสุขภาพทั้งหมด” นั่นหมายถึง สุขภาพที่แข็งแรง ต้องเริ่มต้นจากการที่เรามีระบบย่อยอาหารและ ระบบขับถ่ายที่ดี เพราะทุกครั้งที่มีการขับถ่าย ร่างกายก็จะได้ขับของเสียและสารพิษต่างๆ ออกไปด้วย แต่ในทางกลับกัน ถ้าหากระบบย่อย อาหารของเรามีปัญหา ขับถ่ายไม่สม่ำเสมอ หรือมีอาการ “ท้องผูก” แบบที่สาวๆ หลายคน ต้องเคยเป็นกันแน่นอน ก็เท่ากับว่าร่างกายของ เรานั้น จะมีการสะสมของเสียต่างๆ เกิดการ หมักหมมอยู่ภายใน ซึ่งก่อให้เกิดความไม่สมดุลใน ลำไส้ และร่างกายก็จะดูดซึมสารพิษจากกาก อุจจาระได้ สิ่งเหล่านี้เองที่จะส่งผลร้ายต่อสุขภาพ ในด้านต่างๆ ซึ่งรวมไปถึง “สุขภาพผิว” ด้วย
ผิวดีด้วย โพรไบโอติก มีเคล็บลับที่หลายคนไม่เคยรู้
มีการศึกษาแล้วว่า โพรไบโอติกนั้นมีประโยชน์กับ ร่างกายมากกว่าที่คิด ทั้งช่วยให้ระบบย่อยอาหาร ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยยับยั้ง และทำลายแบคทีเรียชนิดไม่ดีที่ให้โทษกับร่างกาย เช่น เชื้อโรคที่ทำให้เกิดโรคลำไส้แปรปรวน หรืออาการ อักเสบของระบบทางเดินอาหาร ฯลฯ และที่สำคัญ คือช่วยในการทำงานของระบบลำไส้ ทำให้ลำไส้มี การเคลื่อนไหวที่ดีขึ้น เหมาะกับคนที่มีอาการ “ท้องผูก” เพราะช่วยในเรื่องของการขับถ่าย ส่งผลดีต่อผิวพรรณ หรือแม้แต่ในเรื่องของสุขภาพผิวโดยตรง “โพรไบโอติก” ก็ได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์แล้ว ว่าสามารถช่วยลดอาการอักเสบและระคายเคืองได้ ช่วยฟื้นฟูความชัดเจนและสีของผิว แถมยังมีประโยชน์ ในการรักษาสิวบางชนิดอีกด้วย
วันนี้ BioSyn Thailand ได้มีเคล็ดลับโปรเเกรมดูเเลผิว สุขภาพดีจากภายใน มาฝากกันค่ะ
สัปดาห์ที่ 1 (วันที่1-7)
-เริ่มด้วยเรื่องการทานอาหาร
เเนะนำให้งดอาหารที่เข้าข่ายว่าอาจจะทำให้เกิดอาการเเพ้อย่างน้อย 23 วัน รวมถึงผลิตภัณฑ์จากนมวัวทุกชนิด กลูเตน ไข่ไก่ ถั่วเหลือง ข้าวโพด ถั่วลิสง นอกจากนี้ควรงดน้ำตาลเเละน้ำตาลเทียมทุกชนิด แอลกอฮอล์ รวมถึงเครื่องดื่มหรืออาหารแปรรูปทุกชนิด เพื่อให้ร่างกายของเราได้ดีท็อกซ์ล้างสารพิษในลำไส้ เเละฟื้นฟูรวมถึงปรับสมดุลลำไส้ให้กลับมาทำงานเป็นปกติ
ข้อเเนะนำเพิ่มเติม
-ตุ๋นน้ำซุปกระดูกด้วยไฟอ่อนๆนาน 24-30 ชั่วโมง เเละดื่มหนึ่งถ้วยพร้อมมื้อาหารทุกมื้อ
-เริ่มหมักซาวร์เคราท์ เมื่อผ่านไปประมาณ 5 วัน ใหลองเปิดชิมรสดู
การผลิตซาวเคาร์ท เป็นการถนอมอาหารด้วยการดองเกลือ มีกรรมวิธีการผลิตคล้ายกับกิมจิ ซึ่งเป็นผักดองของเกาหลี เริ่มต้นโดยนำกะหล่ำปลี มาล้างทำความสะอาด ปล่อยให้สะเด็ดน้ำ ซอยเป็นชิ้นฝอย แล้วคลุกเคล้ากับเกลือ
การหมักและจุลินทรีย์ที่เกี่ยวกับการหมัก
จุลินทรีย์หลักที่เกี่ยวข้องกับการหมักซาวร์เคราท์คือกลุ่มของแบคทีเรียที่ผลิตกรดแล็กทิก ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่มีอยู่ทั่วไปตามธรรมชาติในอากาศ และพบในกะหล่ำปลีซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักแบคทีเรียเปลี่ยนน้ำตาลในกะหล่ำปลีให้เป็นกรดแล็กทิก (lactic acid) ทำให้ซาวร์เคราท์มีความเป็นกรด มีค่า pH ลดลง ป้องกันการเน่าเสีย (microbial spoilage) และป้องกันการเจริญของจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรค (pathogen) และการหมักจะได้สารระเหยต่างๆ ทำให้กลิ่นรสของซาวเคารท์ดีขึ้น
-ควรปรุงอาหารกินเองให้ได้มากที่สุด งดกินอาหารนอกบ้าน หลีกเลี่ยงงานสังสรรค์ ตลอดการเข้าโปรแกรม
-ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอในเเต่ละวัน (8-10เเก้ว ต่อวัน)
สัปดาห์ที่ 2 (วันที่ 8-14)
-ทานอาหารเสริมโพรไบโอติก ให้เริ่มทานวันละ 1 แคปซูล ตอนเช้าก่อนมื้ออาหาร 30 นาที หรือทานก่อนนอนก็ได้เช่นกัน (ช่วงก่อนอาหารกระเพาะจะมีความเป็นกรดต่ำ ส่งผลให้โพรไบโอติกถูกทำลายจากน้ำย่อยลดลง) เพื่อเสริมสร้างจุลินทรีย์ชนิดดี เพียงเเค่ทาน BioSyn วันละ 1 แคปซูล ก็ได้รับจุลินทรีย์ดีถึง 20 พันล้านตัว หรือ 20 Billion CFU มีทั้งโพรเเละพรีไบโอติกมากถึง 15 สายพันธุ์ ซึ่งร่างกายคนเราต้องการจุลินทรีย์ดีในการทำงานทุกวัน เเละยังต้องการมากถึง 10-20 พันล้านตัวต่อวัน หรืออย่างต่ำ 10,000 ล้าน CFU โดย CFU คือ หน่วยที่ใช้ตรวจปริมาณจุลินทรีย์ที่อยู่ในสินค้าและไม่ว่าจะเป็น นมเปรี้ยว หรือ อาหารเสริม
เริ่มออกกำลังกาย สำหรับผู้ที่ไม่ได้ออกกำลังกายเป็นประจำให้เริ่มด้วยการเดินเร็วอย่างน้อย 30 นาที ไม่ต่ำกว่า 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ เเละทำต่อเนื่องไปตลอด สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายประมาณ 30 นาที ประมาณ 3-4 ครั้ง ต่อสัปดาห์
ให้ลองเปิดชิมซาวร์เคราท์ที่หมักไว้ ว่ารสชาติเปรี้ยวพอใจเเล้วหรือยัง ถ้าพอใจเเล้วก็เริ่มกินซาวเคราท์ทีละ 1 ช้อนชาพร้อมมื้ออาหาร โดยไม่ปนกับกับอาหารหรือน้ำซุปที่ร้อนจัด เพื่อรักษาจุลินทรีย์ที่มีชีวิต เเล้วเกตการตอบสนองของร่างกาย เช่นการขับถ่ายปกติหรือเปลี่ยนไป ถ้าร่กายตอบสนองดี สามกินซาวร์เคราท์เพิ่มอีก 1 ช้อนชาพร้อมมื้ออาหารได้ แต่หากปวดท้อง ท้องเสีย หรือท้องผูก ควรหยุดกิน
นอนพักผ่อนให้เพียงพอ โดยนอนหลับอย่างคุณภาพให้ได้ราว 7-8 ชั่วโมงต่อคืน
สัปดาห์ที่ 3 (วันที่ 15-21)
ออกกำลังกายเเละให้ความสำคัญกับเรื่องการนอนควรให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายเเละการนอนหลับพักผ่อน ควรจดบันทึกอาหารที่กินในแต่ละมื้อ พร้อมทั้งอารมณ์ความรู้สึก ระดับพลังงาน เเละความปลอดโปร่งของสมองภายหลังมื้ออาหารราว 1-2 ชั่วโมง รวมถึงอาการอื่นๆที่อาจรู้สึกได้ เช่น แก๊สในกระเพาะ ท้องผูก ท้องเสีย หรือกระทั่งคุณภาพของการนอนหลับในเเต่ละคืน เพื่อทำความเข้าใจร่างกายเเละปฏิกิริยาที่ตอบสนองต่ออาหารเเต่ละชนิด
สังเกตปริมาณอาหารเเละคาร์โบไฮเดรต
ลองสังเกตปริมาณอาหารเเละสัดส่วนของคาร์โบไฮเดรต โปรตีน เเละไขมันเเต่ละมื้อ เพื่อนำมาปรับสัดส่วนเเละปริมาณอาหารในมื้อต่อๆไป ให้ร่างกายรู้สึกดีที่สุดภายหลังจากกินไปแล้ว
มื้ออาหารที่สมดุลสำหรับร่างกายคือ เมื่อกินเสร็จเเล้วภายใน1-2ชั่วโมง มีความรู้สึกอิ่มกำลังพอดี ระดับอารมณ์ ความรู้สึกสงบคงที่ ไม่รู้สึกอยากกินของว่างหรือขนมระหว่างมื้อ ควรรู้สึกหิวเมื่อถึงเวลาอาหารมื้อถัดไปพอดี
ดูเเลร่างกายเเละจิตใจ
นอกจากอาหารและการออกกำลังกายที่ยังคงปฏิบัติอย่างต่อเนื่องแล้ว ให้เริ่มดูแลร่างกายสภาพจิตใจเพิ่มเติม ได้เเก่ ออยล์พูลลิ่ง การขูดลิ้น แปรงผิวเเบบแห้ง ขัดผิวด้วยผ้าร้อน จัดการความเครียด บริหารเวลาอย่างถูกต้อง ฝึกเขียนหน้ากระดาษยามเช้า ฝึกหายใจแบบ 4-7-8 ฝึกสมาธิ ฝึกการขอบคุณ คิดบวก ฝึกใช้เวลากับธรรมชาติ รวมทั้งจัดแบ่งเวลาแต่ละสัปดาห์ให้ได้ทำกิจกรรมที่คุณรักร่วมกับคนรัก รวมถึงเพื่อนและคนในครอบครัวด้วย
สัปดาห์ที่ 4 (วันที่22-28)
จัดเวลาออกกำลังกาย การทาน เเละการพักผ่อนให้เป็นรูทีน ให้ร่างกายชินเเละช่วยให้การขับถ่ายปกติขึ้น
สังเกตร่างกาย เเละความรู้สึกตัวเอง เเละจดบันทึก ลองเปรียบเทียบจากเมื่อก่อน
พยามจัดแบ่งเวลาให้ได้ออกกำลังกายสม่ำเสมอ นอนหลับอย่างเพียงพอ จดบันทึกอาหารที่กิน รวมถึงผลที่ตามมาภายหลังมื้ออาหาร และพยายามดูแลร่างกายและจิตใจในเเบบองค์รวมเช่นเดียวกับสัปดาห์ที่ 3 ต่อไป
ส่วนในวันที่ 24 ของการเริ่มงดอาหารที่เข้าข่ายว่าอาจเเพ้ได้ สำหรับผู้ที่ไม่เคยมีประวัติการเเพ้อาหารชนิดใดมาก่อนและเคยกินอาหารทีให้งดแล้วโดยไม่พบอาการผิกปกติใดๆ ให้เลือกอาหารชนิดหนึ่งในหกนั้นกลับมากิน พร้อมสังเกตอาการทางร่างกาย อารมณ์ และคตวามรู้สึกที่เกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากมื้ออาหาร และจดบันทึกไว้สำหรับผู้ที่เคยมีประวัติการเเพ้อาหารรุนเเรงหรือไม่แน่ใจ ควรงดอาหารชนิดที่เเห้นั้นและขอคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ภายใน 2วัน หากคุณไม่พบอากการผิดปกติใดๆ ให้กินอาหารชนิดเดิมนั้นซ้ำอีกครั้ง พร้อมทั้งสังเกตอาการเเละความรู้สึก ในสัปดาห์นี้คุณจะตัดสินใจได้ว่าจะเลือกกินอาหารชนิดนั้นต่อไปหรือควรงดแล้วใช้วิธีเดียวกันนี้กับการทดลองกินอาหารอีก 5 ชนิดที่เหลือไปจนครบ
โดยทั่วไป หากมีระเบียบวินัยกับตัวเอง ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด และไม่มีภาวะแทรกซ้อนใดๆเกิดขึ้นระหว่างนั้น เมื่อครบกำหนดโปรแกรม 28 วัน คุณจะรู้สึกได้ว่าผิวดีขึ้น ผื่นหรือสิวลดลง หรืออาจหายไปได้ (ในบางรายที่อาการไม่รุนเเรง) เนื่องจากลำไส้และรบบทางเดินอาหารได้รับการซ่อมแซม ฟูื้นฟู นั่นเองค่ะ
รับคำแนะนำด้านสุขภาพ และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญ
Inbox : m.me/BioSynThailand
Line : https://line.me/R/ti/p/@283kqubv
Youtube : https://bit.ly/3Fyj83C
เรียบเรียงโดย : BioSyn Thailand
ขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือลำไส้ดีไม่มีโรค เขียนโดยผู้เชียวชาญ สุชาวดี เฉลิมวงศาเวช
https://shorturl.asia/JdAnO
https://shorturl.asia/Bs9y6
12 ก.ย. 2567
12 ก.ย. 2567
4 ก.ย. 2567